ไตรลักษณ์ ลักษณะธรรมชาติ 3 ประการ เป็นหลักคำสอนที่มุ่งให้ระลึกถึงความเป็นปกติธรรมดาของสรรพสิ่งบนโลก ที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป เป็นอาการสามัญของทุกสรรพสิ่ง ทั้งนามธรรม และรูปธรรม พระพุทธเจ้าทรงสอนไตรลักษณ์เพื่อให้มนุษย์เกิดความเข้าใจในเรื่องชีวิตว่า ชีวิต มีการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์ สิ่งนั้นเป็นอนัตตา และให้ยอมรับว่าชีวิตมนุษย์ทุกคนล้วนตกอยู่ใต้กฎไตรลักษณ์
หลักของ ไตรลักษณ์ ลักษณะธรรมชาติ 3 ประการ
1. อนิจจัง หรือ อนิจจตา คือ ความเป็นของไม่เที่ยง ไม่คงที่ ไม่ยั่งยืน เกิดขึ้นแล้วเสื่อมสลายไป กล่าวคือ ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ไม่มีสิ่งใดหยุดนิ่งคงที่เหมือนเดิมได้ตลอดไป ขึ้นอยู่กับว่าจะเปลี่ยนแปลงช้าหรือเปลี่ยนแปลงเร็วเท่านั้น เป็นสิ่งธรรมดาแท้ของโลก สิ่งต่างๆ ปัจจัยต่างๆ ไม่สามารถดำรงอยู่ตามสภาพเดิมได้ มีเปลี่ยนแปลง เสื่อมถอย และสลายไปตามกาลเวลา
หลักอนิจจัง (ความไม่เที่ยง) ไม่ว่าอะไร ก็ตาม มีการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับสูญสลายไป ถ้าพิจารณาให้ดีก็จะเห็นได้ว่าสิ่งต่างๆ เป็นอย่างไร คนเรามักยึดติดสิ่งต่างๆ จนเกิดความเข้าใจผิดคิดว่า สิ่งที่เห็นหรือเกี่ยวข้องมีตัวตนจริงๆ แล้วพยายามรักษาไม่ให้เปลี่ยนแปลงไปหรือพยายามทำให้ดีขึ้น แต่ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงแบบดีขึ้นหรือแย่ลง นั่นก็คือความไม่เที่ยง
2. ทุกขัง หรือ ทุกขตา คือ ความเป็นทุกข์ ถูกบีบคั้นด้วยการเกิดขึ้นและสลายตัว กดดัน ฝืนและขัดแย้ง มีความบกพร่อง แสดงถึงความเป็นทุกข์ ความหมายว่า สิ่งทั้งปวงมีลักษณะเป็นทุกข์ มองดูแล้วน่าสังเวชใจ ทำให้เกิดความทุกข์ใจแก่ผู้ที่ไม่มีความพิจารณานึกคิดในสิ่งนั้นๆ
หลักทุกขัง (ความเป็นทุกข์) “ทุกข์” เกี่ยวข้องหลักอนิจจัง หมายถึง ทุกข์ที่ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิต มนุษย์ สัตว์ และสิ่งไม่มีชีวิต บ้านเรือน ก้อนหิน ฯลฯ ซึ่งมีความทุกข์ มีการทรุดโทรมเป็นธรรมดา ทุกข์นี้เกิดจากความคงทนอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้ เป็นทุกข์ก็เพราะสรรพสิ่งมีการเปลี่ยนแปลง
3. อนัตตา หรือ อนัตตตา คือ ความไม่ใช่ตัวตน ไม่มีตัวตน แสดงถึงความไม่ใช่ใคร ไม่ใช่ของใคร ไม่อยู่ในอำนาจควบคุมของใคร ไม่มีตัวตนที่แท้จริงของมันเอง ไม่มีอำนาจแท้จริงในตัว ต้องอาศัยพึ่งพิงสิ่งอื่นๆ มากมายจึงมีขึ้นได้ กล่าวคือ ชีวิตหรือร่างกายไม่เป็นตัวตนแท้จริงของบุคคล
หลักอนัตตา (ความไม่ใช่ตัวตน) ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ได้เพียงชั่วขณะเท่านั้น และย่อมเกิดการเปลี่ยนแปลง จนในที่สุดก็แตกดับสลายหายไป ไม่มีใครสามารถห้ามได้ ซึ่งเป็นไปตามธรรมชาติที่เกิดขึ้นกับทุกสรรพสิ่ง ไม่ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่มีอยู่บนโลก ในจักรวาล รวมทั้งตัวจักรวาลก็อยู่ภายใต้ความเป็นอนัตตา ไม่มีสิ่งใดเลยที่ไม่เป็นอนัตตา