เหตุการณ์สำคัญ พระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน ตลอดระยะเวลา 45 พรรษา พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เสด็จโปรดสัตว์และแสดงพระธรรมเทศนา ขณะนั้นพระองค์ประทับจำพรรษา ณ เวฬุคาม ใกล้เมืองเวลาสี แคว้นวัชชี ทรงตั้งพระทัยและสดับว่าอีก 3 เดือนข้างหน้าจะปรินิพพาน และได้ทรงปลงอายุสังขาร ณ ปาวาลเจดีย์
โลกธาตุวิปริตแปรปรวน พระอานนท์จึงได้ทราบว่าพระพุทธองค์ทรงปลงสังขารแล้ว ได้กราบทูลให้พระพุทธองค์ทรงดำรงพระชนม์ตลอดไป พระองค์ได้ตรัสว่า ครั้งที่พระองค์ทรงทำนิมิตโอภาสถึง 16 ครั้ง เพื่อเปิดโอกาสให้พระอานนท์ได้กราบทูลให้ดำรงพระชนม์อยู่ต่อ แต่พระอานนท์นั้นก็ไม่เฉลียวใจ บัดนี้จึงไม่มีประโยชน์อะไร เพราะพระองค์ไม่อาจกลับพระทัยแล้ว
เส้นทางสุดท้าย เหตุการณ์สำคัญ พระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน
พระพุทธเจ้าทรงประชวรหนัก แต่ทรงอดกลั้นและเสด็จไปที่เมืองกุสินารา ณ ป่าสาละ เพื่อเสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน พระพุทธองค์ได้รับสั่งให้ประชุมสงฆ์ แล้วตรัสเตือนภิกษุสงฆ์ว่า “ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรมเหล่านั้นคือ สติปัฏฐาน 4 สัมมัปปธาน 4 อิทธิบาท4 อินทรีย์ 5 พละ 5 โพชฌงค์ 7 อริยมรรคมีองค์ 8 ธรรมเหล่านี้ เราแสดงแล้วเพื่อความรู้ยิ่งแก่พวกเธอ”
พระพุทธเจ้าได้อุปสมบทให้แก่พระสุภัททะ สาวกองค์สุดท้ายที่พระพุทธองค์ทรงบวชให้ ท่ามกลางคณะสงฆ์ พระอรหันต์ และปุถุชนจากแคว้นต่างๆ รวมทั้งเทวดา ที่มารวมตัวกันในวันนี้ และทรงตรัสสั่งไว้ว่า เมื่อพระองค์ทรงจากไปแล้ว อย่าคิดว่าต่อจากนี้ไม่มีผู้ใดเป็นศาสดา ให้ถือว่า ธรรมและวินัยที่ได้แสดงและบัญญัติไว้ดีแล้วนั้น เป็นศาสดาแทนพระองค์
ก่อนที่พระพุทธองค์จะเสด็จดับขันธ์ปรินิพพานนั้น ทรงประทานปัจฉิมโอวาทสุดท้าย “บัดนี้เป็นวาระสุดท้ายแห่งเราแล้ว เราขอเตือนท่านทั้งหลายว่า สิ่งทั้งปวง สังขารทั้งหลาย มีความเสื่อมสลายเป็นธรรมดา ท่านทั้งหลายจงให้ถึงพร้อม ด้วยความไม่ประมาทเถิด“
จากนั้นพระพุทธองค์ก็ได้เสด็จดับขันธ์ปรินิพพานอย่างสงบ ใต้ต้นสาละ ณ สาลวโนทยาน ของเหล่ามัลลกษัตริย์ เมืองกุสินารา แคว้นมัลละ ในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 รวมพระชนม์มายุ 80 พรรษา และถือวันนี้เป็นการเริ่มต้นของพุทธศักราช
วันถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระ หลังพระพุทธเจ้าเสด็จปรินิพพาน
เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จปรินิพพานได้ 7 วัน มัลลกษัตริย์ เมืองกุสินารา พร้อมด้วยประชาชน และพระสงฆ์ มีพระมหากัสสปเถระเป็นประธาน ได้ทำการถวายพระเพลิงพุทธสรีระ ณ มกุฏพันธนเจดีย์ เมืองกุสินารา เมื่อวันแรม 8 ค่ำ เดือน 6 (วันอัฏฐมีบูชา)
หลังจากที่พระเพลิงเผาไหม้พระพุทธสรีระได้มอดลง บรรดามัลลกษัตริย์ทั้งหลายจึงได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุทั้งหมด ใส่หีบทองแล้วนำไปเก็บรักษาไว้ภายในนครกุสินารา ส่วนเครื่องบริขารต่างๆ ได้อัญเชิญไปประดิษฐานตามที่ต่างๆ เช่น ผ้าไตรจีวร อัญเชิญไปประดิษฐานที่แคว้นคันธาระ บาตรอัญเชิญไปประดิษฐานที่เมืองปาตลีบุตร เป็นต้น
“วยธมฺมา สงฺขารา อปฺปมาเทน สมฺปาเทถ”
“สังขารทั้งหลาย มีความเสื่อมสลายเป็นธรรมดา ท่านทั้งหลายจงให้ถึงพร้อม ด้วยความไม่ประมาทเถิด”