ความหมายบทสวดพาหุง บทที่ 7 บทสวดพาหุงฯ ที่หลายคนท่องได้แล้ว และบางคนกำลังหัดท่อง ชื่อเต็มว่า “ชัยมงคลคาถา” เป็นบทสวดสรรเสริญพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ ที่นำเอาเหตุการณ์ต่างๆ ที่พระพุทธเจ้าทรงผจญและชนะมาร รวมไว้ในคาถานี้ เป็นชัยชนะที่ไม่ได้ใช้พละกำลังหรือปาฏิหาริย์ แต่อยู่เหนือมารผจญทั้งหลาย โดยใช้ธรรมะและความอดทนอดกลั้น เป็นบทสวดมนต์ที่มีค่ามากที่สุด มีผลดีที่สุด เพราะเป็นชัยชนะอย่างสูงสุดของพระบรมศาสดา จากความไม่ดีของมารทั้ง 8 ประการ สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงสวดบทนี้ทุกครั้งเพื่อใช้ในการทำราชสงคราม เพื่อให้มีชัยเหนืออริราชศัตรู อย่างที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเอาชัยชนะได้ ซึ่งบทนี้จะกล่าวถึงบทที่ 7 ชัยชนะเหนือเล่ห์เหลี่ยม กุศโลบาย (มิจฉาทิฐิ)
พาหุงมหากา ความหมายบทสวดพาหุง บทที่ 7
บทที่ 7 ชัยชนะเหนือเล่ห์เหลี่ยม กุศโลบาย (มิจฉาทิฐิ)
นันโทปะนันทะภุชะคัง วิพุธัง มะหิทธิง ปุตเตนะ เถระภุชะเคนะ ทะมาปะยันโต
อิทธูปะเทสะวิธินา ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ
กล่าวถึงชัยชนะของพระพุทธเจ้าที่มีต่อนันโทปนันทนาคราช ผู้มีความรู้ผิด มีฤทธิ์มาก พระพุทธองค์ทรงเอาชนะด้วยมิจฉาทิฐิ ได้โปรดให้พระโมคลานะเถระ อัครสาวกเบื้องซ้าย ใช้อิทธิฤทธิ์นิรมิตกายเป็นนาคราชทรมานให้นันโทปนันทนาคราชสิ้นฤทธิ์จนพ่ายแพ้
ว่ากันว่า พระพุทธเจ้าพร้อมภิกษุสงฆ์จำนวนหนึ่ง ซึ่งเป็นพระอรหันต์ทรงอภิญญาล้วน เสด็จไปโดยนภากาศด้วยอำนาจอิทธิปาฏิหาริย์แห่งฌานสมาบัติ จนบรรลุถึงถิ่นที่อยู่แห่งพญานาคนามว่า “ นันโทปนันทะ”
นันโทปนันทะและบริวารกำลังพักผ่อนสำเริงสำราญอยู่ในสถานที่อยู่ของตน เห็นพระพุทธองค์พร้อมภิกษุจำนวนมาก เหาะข้ามศีรษะของตนก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
นันโทปนันทะ
“ สมณะโล้นพวกนี้ถือดีว่ามีอิทธิฤทธิ์เหาะเหินเดินหาวได้ เหาะข้ามศีรษะเรา ปล่อยผงธุลีจากเท้าหล่นต้องศีรษะเรา เดี๋ยวจะเห็นดีกัน ”
แล้วก็ใช้อิทธิฤทธิ์บันดาลให้เกิดหมอกควันมืดฟ้ามัวดิน ดุจดังกลุ่มหมอกควันพิษจากไฟป่า
พระเถระนามว่า “ รัฐปาละ” พระอรหันต์ทรงอภิญญารูปหนึ่ง กราบทูลอาสาไปปราบนันโทปนันทะ พระพุทธองค์ทรงไม่อนุญาต และตรัสว่า
“ หน้าที่นี้เป็นของโมคคัลลานะ บุตรตถาคตอยู่แล้ว เธอจะรู้เองว่าควรทำอย่างไร ”
พระโมคคัลลานะทราบว่าพระพุทธองค์มีพุทธประสงค์ให้ไปปราบพญานาค จึงนิรมิตกายเป็นพญานาคเหมือนกัน แต่รูปร่างใหญ่และยาวกว่านันโทปนันทะหนึ่งเท่า รัดร่างนันโทปนันทะกับเขาพระสุเมรุ ดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด ยิ่งดิ้นกลับยิ่งแน่นมากกว่าเดิม จนต้องยอมแพ้ในที่สุด แล้วจำแลงกายเป็นมาณพน้อย ยืนประคองอัญชลีนมัสการพระเถระเจ้า ขอถวายตนเป็นศิษย์
พระเถระพามาณพน้อยไปเฝ้าพระพุทธเจ้า พระองค์ทรงประทานพระโอวาทให้นันโทปนันทะเว้นขาดจากปาณาติบาต ดำรงตนอยู่ในศีลอย่างเคร่งครัดแต่บัดนั้นมา
การเอาชนะพญานาคราชผู้มีฤทธิ์ครั้งนี้ พระพุทธองค์มิได้ทรงแสดงฤทธิ์เอง หากทรงมีพุทธบัญชาให้พระอัครสาวกเบื้องซ้าย (พระโมคคัลลานะ) แทน ซึ่งหลายครั้ง เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ผู้ที่รับพุทธบัญชาไปดำเนินการปราบจนสำเร็จ มักจะเป็นพระโมคคัลลานะ เพราะเป็นพระเถระที่ได้รับยกย่องว่าเป็นผู้มีฤทธิ์มาก